2019 เรียกได้ว่าเป็นปีที่แสนสาหัดสำหรับ Huawei เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในเรื่องการถูกสั่งแบน จากสหรัฐฯ และที่เจ็บสุดคือการที่ไม่สามารถเข้าใช้บริการและผลิตภัณฑ์จาก Google ได้ ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลอะไรมากมายในตลาดภายในประเทศ แต่มันกลับมีผลกระทบอย่างมากต่อตัวเลขยอดขายในตลาดโลก. แต่ถึงแม่จะมีอุปสักขัดขวางเพียงใด ก็ไม่สามารถหยุดหัวเว่ยได้ และยังคงมีการพัฒนาสักยภาพเพื่อผลักดันให้ธุรกิจด้านสมาร์ทโฟนและเน็ตเวิร์คมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง.
เพื่อตอบแทนความมุ่งมั่นและอุทิศตนให้กับการทำงานอย่างหนักของพนักงาน Huawei
เตรียมแจกโบนัสให้แก่พนักงานทั่วโลกที่มีกว่า 190,000 ราย. โดยครั้งนี้หัวเว่ยควักกระเป๋ากว่า 2 ล้านหยวน ($286 ล้านเหรียญฯ)คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 8,600 ล้านบาท. ถึงแม้ตอนนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่างตระกูล Mate 30 ที่เปิดตัวมาโดยไม่มีแอ้พ Google จะยังมีขจ้อจำกัดและยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในตลาดโลก. แต่หัวเว่ยก้ยังถือว่าทำผลงานได้ดีในตลาดประเทศบ้านเกิดอย่างจีนและเพียงพอที่จำทำให้ภาพรวมในไตรมาสที่สามของ Huawei นั่นดูดีและมีตัวเลขที่เรียกได้ว่าแข็งแก่งพอสมควร. Huawei ยังคงครองอันกับสองในตลาดสมาร์ทโฟน เป็นรองแค่ Samsung, ส่วนภาพรวมรายปีเติบโตขึ้น 28.2%.
ถ้ามองไปในอนาคตก็ต้องบอกว่าเส้นทางของหัวเว่นนั้นมีแววที่จะสดใสมากกว่านี้ ด้วยมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ที่การเจรจากับกระทรวงพาณิชญ์สหรัฐฯเรื่องการออกใบอนุญาตสำหรับทำธุรกิจกับหหัวเว่ย. นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับหัวเว่ยในอนาคต ส่วนกับ Google นั้นคงจะต้องคุยกันอีกที่.
ลือกันว่า Motorolar razr จะไม่ได้มีขุมพลังที่หวือหวาอะไรมากมายนัก อาจใช้ Qualcomm Snapdragon 710 RAM 4/6 GB และหน่วยความจำ 64/128GB แบตเตอรี่ 2,730mAh. ซึ่งฟังดูอาจจะไม่แรงเท่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นทั่วๆ แต่ต้องทำความเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การนำเสนอความแรงหรืออะไร แต่เป็นแค่การขยายโลกความเป็นไปได้ในสมาร์ทโฟนจอพับในอนาคต.
ส่วนเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้น คาดว่าน่าจะเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่วนจะวางไว้ตำแหน่งไหนนั้น ดูจากภาพที่หลุดออกมา มีความเป็นไปได้สองแบบ. แบบแรกเป็นปุ่มบริเวณคางด้านล่างของตัวเครื่องที่อาจเป็นได้ทั้งปุ่มปลดล็อคสลักหน้าจอ หรือแบบที่สองคือปุ่มสำหรับสแกนลายนิ้วมือ แต่คิดว่าน่าจะเป็นปุ่มสแกนลายนิ้วมือมากกว่า.อีกหนึ่งความเป็นไปได้คือจุดสแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ขอบด้านข้างตัวเครื่องบริเวณนิ้วโป้ง.
ส่วนของราคา หากดูจากสองโมเดลของสองยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei และ Samsung ที่อาจพุ่งถึง $2,000 เหรียญ Motorola ที่ดูเล็กกว่า ก็น่าจะมีราคาที่เบากว่าเช่นกัน สัก $1,500 กำลังดี.
Apple อาจนำ TouchID กลับมาใช้ใน Apple Watch
นับตั้งแต่มีการเปิดตัว iPhone X เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง TouchID ก็ถูกเข้ามาแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ FaceID แต่ในอนาคต TouchID อาจจะกลับมามีบทบาดอีกครั้ง. ด้วยจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้จำนวนมากและล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ที่เข้าเยี่ยมชมภายใน Apple เมื่อไม่นานมานี้. โดยพบว่า iPhone โมเดลใหม่ในอาจมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า acoustic in-display fingerprint scanner.
เมื่อประมาณต้นเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานสิทธิบัตรทรัพย์สินทางสหรัฐฯได้มีการเปิดเผยข้อมูลการจดสิทธิบัตรโดยมีการระบุเป็น “Antenna Assemblies For Watch Bands” หรือการฝังเสาอากาศเข้าไปในสายนาฬิกา. โดยสิทธบัตรดังกล่าวนี้ถูกยื่นจดมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2018. หากพูดถึงเสาอากาศที่จะในเข้าไปในสายนาฬิกาได้นั้นแน่นอนว่าต้องมีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นและโค้งงอได้เพื่อสอดรับกับสายนาฬิกา. ทั้งนี้สื่อนอกหลายสำนักมองว่าเป็น Apple น่าจะกำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลนีระบบ Touch ID บน Apple Watch รุ่นในอนาคตก็เป็นได้.
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเคยมีข่าวลือว่า Apple กำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมาแทนที่ FaceID และ TouchID โดยเป็นการระบุตัวตนผู้ใช้ผ่านอุ้งมือแทน. แต่ในใบสิทธิบัตที่เพิ่งหลุดออกมาสัปดาห์ที่แล้วเป็นการเจาะจงเรื่องของเสาอากาศและการสแกนลายนิ้วมือมากกว่า. โดยเสาอากาศนี้จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับตัวเรือนและหน้าโดย และหน้าจอจะทำหน้าที่เป็นตัวรับทั้งการสัมผัส, แรงกด, อุณหภูมิของเครื่องและ/หรืออาจถูกใช้เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ.
หนึ่งรุ่น iPhone ที่มีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงที่จะมีการใส่ TouchID คือ iPhone SE 2 ที่มีข่าวลือว่าจะใช้รูปโฉมดีไซน์จาก iPhone 8 ซึ่งหมายความว่าทั้งปุ่มและ TouchID อาจจะกลับมาอีกครั้ง.
อย่างไรก็ตาม การที่มีความเป็นไปได้สูงเกี่ยวกับการกลับมาของ TouchID นั้นไม่ได้ความว่า Apple จะยุติบทบาดของ FaceID แต่อย่างใด. ระบบการจดจำใบหน้านั้จะยังคงมีอยู่ต่อในใน iPhone ใหม่, เหตุผลหลักที่ Apple เลิกใช้ TouchID เพราะมีความจำเป็นต้องตัดปุ่มโฮมออกไปเพื่อเพิ่มขนาดให้กับห้าจอโดยที่ไม่มีส่วนไหนกินพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์. หาก Apple สามารเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเข้าไใด้จริงๆใน Apple Watch นั่นก็ถือเป็นข่าวดีเพราะมันหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็น iPhone รุ่นในอนาคตมีระบบความปลอดภัยถึงสองชั้นในเครื่องเดียว.
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น